เร่งขยายผล ขบวนการใช้รถกู้ชีพขนยาบ้า

เช้าข่าว 7 สี – ตำรวจเร่งออกหมายจับขบวนการใช้รถกู้ชีพขนยาบ้า 2 ล้านกว่าเม็ด ซิ่งฝ่าด่านหนีตำรวจ 4 จังหวัด ขณะที่ หลายหน่วยงานประชุมหารือแก้ปัญหารถกู้ชีพเถื่อนกว่า 9,000 คันทั่วประเทศ ตำรวจประกาศชัดเจนว่า หากพบรถเถื่อนจะเรียกตรวจสอบทันทีพลตำรวจโท จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงความคืบหน้าคดีรถกู้ชีพขนยาบ้า 2,250,000 เม็ดใน ถุงห่อมะม่วง ถุงห่อผลไม้ มาจากจังหวัดเลยผ่านจังหวัดสระบุรี และถูกตำรวจสกัดจับ ก่อนที่คนขับรถตู้กู้ชีพจะขับฝ่าด่านหนี 4 จังหวัด เข้ามาทิ้งรถ และทิ้งยาบ้าในย่านคลองสามวาจากการตรวจสอบล่าสุด นายจิรายุทธ คนขับรถ และนางสาวทิพวรรณ ภรรยาที่นั่งข้าง มีคนใช้รถกระบะกู้ชีพมารับตัวไป ตำรวจทราบชื่อ คือ นายไอ หรือ นายไอซ์ และหลังรับไป ก็มีรถมารับไปอีกต่อหนึ่ง ส่วนรถกระบะกู้ชีพไปจอดทิ้งไว้ในย่านจระเข้น้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอศาลออกหมายจับ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ว่า ยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่พื้นที่กรุงเทพหรือปริมณฑล
หลังจากนี้จะโอนคดีไปให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็นเจ้าของคดี ติดตามจับกุมผู้ต้องหาและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะเกิดขึ้นในหลายพื้นที่พลตำรวจตรี ชยานนท์ มีสติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่า นายจิรายุทธเป็นนักขับรถแข่ง ในสนามแข่งแห่งหนึ่ง ย่านปทุมธานี โดยได้รับการว่าจ้างจากนายสมพงษ์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่อยู่ในรถนำที่ตำรวจจับได้ ส่วนตัวนายไอซ์ คนขับรถมารับ 2 สามี ภรรยาไป ไม่พบว่าเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่าย หรือ มีประวัติยาเสพติดเพื่อเป็นการแก้ปัญหารถกู้ชีพขนส่งสิ่งผิดกฎหมาย และรถกู้ชีพเถื่อนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้มีการประชุมหารือแนวทางการการแก้ปัญหาร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, ตัวแทนมูลนิธิและกู้ภัยในพื้นที่แต่ละจังหวัด โดยใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ขณะนี้ข้อมูลเจ้าหน้าที่และรถกู้ชีพในแต่ละสังกัด มีรถถูกกฎหมายทั่วประเทศ 20,000 กว่าคัน แต่มีรถเถื่อนหรือรถที่ไม่ขออนุญาตมากกว่า 9,000 คันอีกทั้งข้อมูลของเจ้าหน้าที่และรถกู้ชีพ ไม่ได้รับการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน จึงให้แต่ละหน่วยงานไปสรุปข้อมูลทั้งหมดให้ชัดเจน และนำข้อมูลมาเชื่อมโยงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตำรวจทุกหน่วยใช้ตรวจสอบรถกู้ชีพ หรือ รถต้องสงสัย
ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 เปิดเผยอีกว่า ตำรวจได้ข้อมูลว่า มีรถกู้ชีพที่มีพฤติการณ์เช่นเดียวกับคดีนี้อีก ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ได้หมายความว่ารถกู้ชีพทุกคัน จะเป็นรถที่กระทำผิดกฎหมายนอกจากนี้ จะมีหนังสือสั่งการไปยังตำรวจทุกหน่วยของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เรียกตรวจสอบรถกู้ชีพเถื่อน หากพบจะเรียก และนำมาตรวจสอบอย่างละเอียดที่สถานีตำรวจ และจะตักเตือนให้ไปขออนุญาต พร้อมขึ้นทะเบียนไว้ และติดตามว่าได้แก้ไขให้ถูกต้องหรือยัง หากพบว่านำออกมาให้บริการอีก ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที แต่หากรถต้องสงสัยมีผู้ป่วยก็จะผ่อนผันให้นางพรอุมา อุบลรัตน์ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิทยุพระนคร มูลนิธิร่วมกตัญญู ในฐานะตัวแทนที่เข้าประชุม เปิดเผยว่า นายจิรายุทธ สมัครเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิจริง แต่อยู่ระหว่างการพิจารณา ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของทางมูลนิธิ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับเข้าสังกัด หลังจากนี้จะเร่งรัดการทำบัตรประจำตัวในสังกัดทุกคน แล้วตรวจสอบข้อมูลรถกู้ชีพในสังกัดที่ได้รับอนุญาต หรือ ยังไม่ได้รับอนุญาต เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาได้
Previous post จ่อยิงต่อหน้าตร. เพื่อนบ้านสางแค้น ยิงดับอดีตผญบ. คนดังดอยมูเซอ
Next post “ปคบ” รวบอดีต “ผู้ช่วยเภสัช” ขาย “ยาลดน้ำหนัก” ผลิตภัณฑ์เสริมความงามเถื่อน